|
 |
[03-07-2019] EA ผนึกอีก 3 พันมิตรตั้งจุดชาร์จ EV เมกะเทรนด์ ดันหม้อแปลงไฟฟ้า QTC
ล่าสุด EA เตรียมผนึกอีก 3พันมิตรตั้งจุดชาร์จ ดันหม้อแปลงไฟฟ้า QTC ด้าน “พูลพิพัฒน์” ชี้อนาคตงานพรึบ เข้ากระแสเมกะเทรนด์พลังงานโลกที่ถูกโยกไปสู่ไฟฟ้า เดินหน้าพ่วงหม้อแปลงกับจุดชาร์จ ออเดอร์ส่งออกเพียบ ขณะที่ EEC ช่วยดันลูกค้าโรงงาน ด้านรัฐแห่ประมูลงาน ชี้ธุรกิจกลับมารุ่งโรจน์หลังเคลียร์ทุกอย่างแล้ว
บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA และ บริษัทย่อยคือ บริษัท พลังงานมหานคร จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ภายใต้เครื่องหมายการค้า “EA Anywhere” เตรียมแถลงข่าวความร่วมมือกับ 3พันธมิตร ประกอบด้วย บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด , บริษัท บริดจสโตน เอ.ซี.ที (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) ในการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าในพื้นที่ของพันธมิตรทั่วประเทศเพื่อรองรับยานยนต์ไฟฟ้า PHEV และ BEV สัปดาห์หน้า
ซึ่งเป็นการตอกย้ำในกระแสยานยนต์ไฟฟ้า EV หลังจากก่อนหน้านี้ EA ได้ร่วมมือกับหลายภาคส่วน ทั้ง การไฟฟ้าห้างสรรสินค้าชั้นนำของไทย ธนาคาร ปั๊มน้ำมัน ร้านอาหาร โรงแรม อาคารสำนักงาน โรงพยาบาล โรงภาพยนตร์ ศูนย์ให้บริการรถยนต์ อสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ รวมไปถึงกลุ่ม ทีซีซี กรุ๊ป ของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ตั้งเป้าเปิดสถานีให้บริการ 1,000แห่งทั่วประเทศ
ด้าน นายวิทวัส สวัสดิ์-ชูโต ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีและวิศวกรรม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่า พลังงานไฟฟ้าจะเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนพลังงานโลกมากขึ้น และจะเติบโตอย่างมากเมื่อเทียบกับพลังงานเชื้อเพลิงจากฟอลซิล ซึ่งถือเป็นเมกกะเทรนด์โลก ที่จะมีการใช้ไฟฟ้าสูงกว่าน้ำมัน ดังนั้น ปตท. จะเดินหน้าการศึกษาลงทุนด้านพลังงานไฟฟ้า ตลอดจนแบตเตอรี่ ต่อเนื่อง
QTC ยิ้มเข้าเทรนด์โลก
นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ QTC ผู้ผลิต จัดจำหน่าย และให้บริการหม้อแปลงไฟฟ้า ระบุว่า ตลาดของหม้อแปลงไฟฟ้าขณะนี้มีมากขึ้น โดยเฉพาะกระแสยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่จะต้องใช้หม้อแปลงในการตั้งจุดชาร์จไฟฟ้า ซึ่งบริษัทได้มีการเจรจาในการขายหม้อแปลงกับหลายแห่ง รวมไปถึงการส่งออกไปต่างประเทศ เนื่องจาก หม้อแปลงไฟฟ้าของ QTC มีนวัตกรรมทั้งรูปแบบ Super low Loss ซึ่งเป็นหม้อแปลงที่ประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ 30%และเป็นรายเดียวที่ดำเนินการได้ในขณะนี้ รวมไปถึงหม้อแปลงอัจฉริยะที่เก็บข้อมูล และควบคุมแก้ไขทางไกลได้ ซึ่งเข้ากับกระแสสมาร์ทซิตี้ที่เป็นเทรนด์ของโลก โดยปัจจุบันบริษัทยังได้ส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เป็นจำนวนมาก ซึ่งมาร์จิ้นการส่งออกไปต่างประเทศค่อนข้างสูง
นอกจากบริษัท ยังจะได้รับประโยชน์จากแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Power Development Plan : PDP)ที่จะมีการเพิ่มพลังงานไฟฟ้าจาก 3หมื่นเมกะวัตต์ในปัจจุบันเป็น 7หมื่นเมกะวัตต์ ขณะที่ตลาดเอกชนก็มีโอกาสเติบโตสูงประมาณ 10%ไม่รวมลูกค้าที่จะเข้ามาลงทุนใน EEC อีกเป็นจำนวนมาก ดังนั้นโอกาสตลาดของบริษัทค่อนข้างสูง
@ประมูลงานรัฐ 3พันล้าน
นายพูลพิพัฒน์ ระบุด้วยว่า บริษัทยังจะเดินหน้าในการประมูลงานภาครัฐเข้ามาอีกราว 3,000ล้านบาท โดยคาดว่าจะเริ่มประมูลในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งทางการได้มีการปรับราคากลางขึ้นมา และมีการปรับมาตรฐานของหม้อแปลงไฟฟ้าให้ดีขึ้น ซึ่งทำให้บริษัทในฐานะผู้ผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าคุณภาพสูงมีโอกาสรับงานมากขึ้น และมั่นใจว่าการรับงานต่างๆ จะได้กำไร
“จากนี้ไปมีงานภาครัฐออกมามากขึ้น เนื่องจากอั้นมา 2ปี โดยมาจาก กฟน.ราว 1,000ล้านบาท กฟภ.อีกราว 2,000ล้านบาท ซึ่งบริษัทก็มีโอกาสที่จะได้งาน และจะไม่ขาดทุน เพราะราคากลางได้ปรับสูงขึ้น และมีการใช้คุณภาพหม้อแปลงไฟฟ้าที่สูงขึ้นด้วย”
@แนวโน้มผลงานเด่น
สำหรับปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ราว 1,000ล้านบาท จะมาจากสัดส่วนงานหม้อแปลงไฟฟ้าเอกชน 40-50%หม้อแปลงไฟฟ้าราชการ 30-35%และส่งออก 25-35%ขณะเดียวกันบริษัทยังมีรายได้จากโรงไฟฟ้าคิวโซลาร์ 8.6เมกกะวัตต์ อีก 140ล้านบาท และงานให้บริการอีก 20ล้านบาท
ทั้งนี้ในส่วนของกำไรนั้นมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นมาพอสมควรจากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 0.34ล้านบาท หลังจากที่บริษัทได้มีการปรับโครงสร้างทางด้านการเงิน ซึ่งได้มีการตัดขาดทุนโรงไฟฟ้ามินบู และมีการตั้งด้อยค่าเงินลงทุนลงทุนโรงไฟฟ้าคิวโซลาร์เกือบ 200ล้านบาทไปเรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้การดำเนินงานต่างๆ จากจะไม่ถูกกดดัน และจะมีกำไรต่อเนื่อง โดยไตรมาส 1บริษัทมีกำไรทั้งสิ้น 79.16ล้านบาท ซึ่งมาจากการส่งออกที่สูง และโรงไฟฟ้าคิวโซลาร์ ที่สร้างกำไรเข้ามาเต็มไตรมาส ทั้งนี้บริษัทได้เคยทำกำไรสูงสุดไว้ที่ราว 118ล้านบาท
“คือสิ่งที่เราทำมันดีในแง่ของการบริหารจัดการทำให้มีกำไรได้ บริษัทมีพลังงาน 200คน แต่สามารถผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าได้สูงสุด 6,000ลูก ขณะที่การบริหารจัดการการผลิตในช่วงต่างๆ ก็ทำได้ดี ทำให้ต้นทุนไม่สูงมาก ตามหลัก TQM และปัจจุบันก็ด้มีการจัดตั้งสมาคมผู้ผลิตหม้อแปลงไฟฟ้า ซึ่งผมนั้งเป็นนายกอยุ่ ซึ่งจะทำให้การแข่งขันด้านราคาลดน้อยลง”
@แนวคิดลงทุนโรงไฟฟ้า
นายพูลพิพัฒน์ บอกด้วยว่า บริษัทยังแนวทางการลงทุนโรงไฟฟ้า แต่จะมีความรอบคอบมากขึ้น โดยล่าสุดได้มีการศึกษาลงโรงไฟฟ้าเขื่อนที่ สปป.ลาว 2 แห่ง รวม 164 เมกกะวัตต์ โดยบริษัทต้องมั่นใจว่า การลงทุนจะได้ผลตอบแทนในเชิง โปรเจกต์ IRR ไม่ต่ำกว่า 8% รวมไปถึงการลงทุนโรงไฟฟ้าอื่นๆ ที่มีผู้มาขายให้ด้วย ซึ่งขณะนี้บริษัทมีเงินทุนที่จะลงทุนพร้อมถึง 400 ล้านบาท
เว็บ ryt9.com
|
 |
|
