|
|
[03-07-2019] CHAYO โบรกมองเป็นหุ้นGrowth stock กำไร Q2 เดินหน้า ทำ new high เคาะพื้นฐาน 6.06 บาท บล.เอเซีย พลัส จำกัด แนะนำ “ซื้อ” บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO มองเป็นหุ้น Small cap ที่เป็น Growth stock ในอุตสาหกรรมจัดเก็บหนี้ที่ยังเอื้ออำนวย ประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2562เท่ากับ 6.06บาท อิงจากค่าเฉลี่ยย้อนหลังของ PBV ที่ 3.2เท่า บวกด้วย 1SD เทียบเท่า PBV เท่ากับ 3.7เท่า ราคาหุ้นจปัจจุบันยังให้ผลตอบแทนรวมปันผลที่จูงใจมีแผนเพิ่มประมาณการ
เดินหน้าปิดดีลขายหลักประกันได้ดีเกินคาด ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2562เติบโตเชิงรุกกว่าที่ประเมินไว้เดิม การขายหลักประกันเดินหน้าด้วยดีตามแผนโดยเฉพาะ ครึ่งหลังปี 2562นอกจากการขายหลักประกันที่ค่อนข้างชัดเจนในการรับรู้รายได้ ยังมีธุรกิจสินเชื่อมาช่วยต่อยอดการเติบโต
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น CHAYO ปิดตลาดที่ 4.82บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 29.37ล้านบาท
**กำไร Q2/62ยังเดินหน้าทำ new high แม้ใส่สำรองเพิ่ม
สำหรับกำไรสุทธิไตรมาส 2/2562คาดเท่ากับ 32ล้านบาท สามารถขึ้นทำ new high ได้ในรายไตรมาส เติบโตถึง 15.5% qoq และ 31.6% yoy ขับเคลื่อนด้วยธุรกิจรับซื้อหนี้มาบริหาร (80%ของรายได้รวม) โดยในงวดนี้ บริษัทฯ สามารถขายหลักประกันประเภทบ้านและที่ดิน เป็นมูลค่ารวม 24ล้านบาท (หลังหักต้นทุน) ซึ่งเป็นหนี้พร้อมหลักประกันที่ซื้อเข้ามาบริหารตั้งแต่ช่วงปี 2560 – 61
ขณะที่คาดรายได้จากธุรกิจรับจ้างติดตามหนี้ (20%ของรายได้รวม) เติบโตต่อเนื่องเช่นกัน สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ลูกค้าสถาบันการเงินและ non-bank (ธ.พ. และบริษัทในกลุ่มสื่อสาร) ใช้บริการติดตามหนี้เพิ่มขึ้น
ส่วนคาดการณ์ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารค่อนข้างทรงตัวจากงวดไตรมาส 1/2562จากการเน้นเพิ่มประสิทธิภาพพนักงานแทนการเพิ่มจำนวนพนักงาน โดยการที่คาดการณ์รายได้เติบโตในอัตราเร่งตัวกว่าด้วย หนุนให้คาดการณ์สัดส่วน cost to income ratio ลดลงเหลือ 16.0%จาก 18.0%ในงวดไตรมาส 1/2562
อย่างไรก็ตาม ด้วยสมมติฐานระมัดระวัง จึงคาดค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สงสัยจะสูญในงวดไตรมาส 2/2562ราว 4ล้านบาท (อ้างอิงจากข้อมูลย้อนหลังปี 2561จะเห็นว่าบริษัทฯ มีการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญทุกครึ่งปีในงวดไตรมาส 2/2561เท่ากับ 4.80ล้านบาท และไตรมาส 4/2561เท่ากับ 4.50ล้านบาท)
**รุกธุรกิจซื้อหนี้ จัดหาแหล่งเงินทุน เตรียมขยายสินเชื่อครึ่งหลังปี 2562
สถานการณ์รับซื้อหนี้ในไตรมาส 2/2562เป็นเชิงรุกขึ้น เท่ากับ 1.34พันล้านบาท เทียบกับไตรมาส 1/2562ที่มีมูลค่าต่ำมากเพียง 200ล้านบาท โดยรวมแล้วทำให้มูลหนีรับซื้อในงวดครึ่งแรกปี 2562เพิ่มขึ้นเป็น 1.54พันล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นหนี้มีหลักประกัน ด้วยมูลค่าเงินลงทุน (ต้นทุน) รวม 200ล้านบาท คิดเป็น 20%จากเป้าหมายการซื้อหนีทั้งปี 2562ของบริษัทฯ ที่กำหนดไว้ 1พันล้านบาท
โดยบริษัทฯ ยังให้ความเชื่อมั่นว่าจะสามารถรับซื้อหนี้ได้ตามเป้าหมาย ซึ่งเป็นปกติที่จะเห็นสถาบันการเงินขายหนี้เสียออกมามากในช่วงปลายปี โดยเฉพาะปี 2562ยิ่งจะเห็นได้ชัดเจนเนื่องจากการที่มาตรฐานบัญชี IFRS 9จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ต้นปี 2563จะยิ่งกดดันให้สถาบันการเงินต้องเร่งระบาย NPL ออกมามากขึ้น
ด้านธุรกิจสินเชื่อคาดยังไม่เห็นการเติบโตในงวดไตรมาส 2/2562โดยกลยุทธ์ธุรกิจยังเน้นการใช้กระแสเงินสดที่มีอยู่ในการซื้อหนี้เข้ามาเพิ่มเติมมากกว่า อย่างไรก็ตาม คาดการเติบโตของสินเชื่อจะเป็นไปในเชิงรุกขึ้นในงวดครึ่งหลังปี 2562เน้นไปที่กลุ่มลูกจ้างในโรงงานที่เป็นพันธมิตรของบริษัทฯ ภายใต้เป้าหมายการปล่อยสินเชื่อทั้งปี 2562เท่ากับ 200ล้านบาท และแผนจัดหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมจากการออกหุ้นกู้รวม 800ล้านบาท
**มีแผนเพิ่มประมาณการ คาดหวังการขายหลักประกันได้อย่างต่อเนื่อง
ฝ่ายวิจัยมีแผนปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2562–63 ภายหลังประกาศผลการดำเนินงานงวดครึ่งแรกปี 2562 ขับเคลื่อนด้วยรายได้จากการขายหลักประกันที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ต่อเนื่องและสูงกว่าคาด จากโอกาสในการขายหลักประกันที่ดินแปลงใหญ่มูลค่ากว่า 80 ล้านบาท (รับรู้รายได้หลังหักหลักประกันราว 50% ของมูลค่าดังกล่าว) ซึ่งอยู่ในระหว่างการเจรจาซื้อขาย
เว็บ ทันหุ้น
|
|
|