ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังจากสหรัฐฯรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาด โดยเฉพาะตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งคิดเป็น 70% ของกิจกรรมเศรษฐกิจที่บ่งชี้ว่า ผู้บริโภคมีความพร้อมที่จะจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลวันหยุดของปี โดยเฉพาะในวัน Black Friday ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นของฤดูการจับจ่ายสินค้าในช่วงสิ้นปี และเป็นหนึ่งในวันสำคัญที่บรรดาผู้ค้าปลีกจะนำสินค้าออกมาจำหน่ายอย่างมากมาย

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนตุลาคมของสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 0.4% ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 5.76 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 0.5% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.3%

ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 20 พ.ย. ร่วงลง 34,000 ราย แตะระดับ 407,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่รอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 10 ก.ค.2551 และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 435,000 ราย ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐฯเริ่มฟื้นตัวขึ้น

นอกจากนี้ ทางการสหรัฐฯรายงานว่าดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อในส่วนของผู้บริโภคที่ไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน ขยับขึ้น 0.9% ต่ำกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ที่กำหนดไว้ที่ 1.7 - 2.0% ซึ่งตัวเลขดังกล่าวถือเป็นหลักฐานล่าสุดที่สนับสนุนการตัดสินใจใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง (QE2) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED)

นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทกล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งส่วนผู้บริโภคและตลาดแรงงานช่วยพยุงตลาดหุ้นนิวยอร์กให้ดีดตัวขึ้น หลังจากถูกทุบลงอย่างหนักจากเหตุการณ์ยิงปะทะกันระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ จนทำให้เกิดความกังวลว่าจะยิ่งทำให้ความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลีบานปลาย และเหตุการณ์ดังกล่าวยังฉุดตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและรายได้ส่วนบุคคลยังเป็นปัจจัยบวกที่แข็งแกร่งพอจะสกัดปัจจัยลบจากรายงานที่ระบุว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค.ของสหรัฐ ร่วงลง 3.3% ทำสถิติร่วงลงหนักสุดในรอบเกือบ 2 ปี เนื่องจากภาคธุรกิจวางแผนลดการใช้จ่ายในการซื้อสินค้าทุน

หุ้นทิฟฟานีซึ่งเป็นผู้จำหน่ายอัญมณีรายใหญ่ของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 5.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรที่แข็งแกร่งทั้งในตลาดสหรัฐฯและตลาดต่างประเทศ ขณะที่หุ้นโคช อิงค์ ปิดพุ่ง 3.7%

แรงซื้อหุ้นอีกส่วนหนึ่งที่เข้ามาเป็นเพราะอานิสงส์ของภาพรวมที่ดีขึ้นในยุโรป เมื่อตัวเลขความเชื่อมั่นภาคธุรกิจในประเทศยักษ์ใหญ่อย่างเยอรมัน ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่รัฐบาลของประเทศไอร์แลนด์ก็เดินหน้าประกาศแผนหั่นงบประมาณรายจ่ายลงถึง 20% หรือราว ๆ 2.8 พันล้านยูโร ส่วนภาษีเงินได้ก็ถูกตั้งเป้าไว้ให้เพิ่มขึ้น 1.9 พันล้านยูโร เพื่อลดสถานะการขาดดุลงบประมาณให้ลงมาเหลือในสัดส่วน 3% ต่อจีดีพีภายในปี 2557

- Dow Jones ปิดที่ 11,187.28 จุด (+1.37%)
- S&P 500 ปิดที่ 1,198.35 จุด (+1.49%)
- Nasdaq ปิดที่ 2,543.12 จุด (+1.93%)