|
 |
[22-06-2019] Hot Topic ในวันสองวันแล้วครับ ข้อมูลค่อยๆทะยอยออกมา
เตรียมตัวรับกับการDisruption ในวงการเงิน การธนาคาร
สะเทือน! วงการเงินโลก เฟซบุ๊คจับมือ 27 พันธมิตรเปิดตัว “ลิบรา” ทำธุรกรรมการเงินผ่านมือถือ
มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เพิ่งออกมาประกาศการใช้ 'เงินตรา' ของเฟซบุ๊คเอง เรียกว่า Libra ซึ่งหลายคนอาจยังรู้สึกว่าเป็นเรื่องไกลตัวอยู่ แต่ที่จริงแล้วมัน 'ใกล้' เรามากเลยนะครับ
.
ต้องบอกคุณว่า Libra นั้น จริงๆ ก็คือ Cryptocurrency อย่างหนึ่ง ที่จะทำให้เราสามารถแลกเปลี่ยนซื้อขายได้แบบออนไลน์ใน 'จักรวาล' ของเฟซบุ๊ค (คล้ายๆ จักรวาลของมาร์เวล) ซึ่งมีองค์กรอื่นๆ อยู่ในจักรวาลนี้อีกหลายองค์กร เช่น Spotify, Visa, Uber, PayPal, Mastercard, Ebay และอื่นๆ รวมแล้วอย่างน้อย 30 องค์กร และมีแผนจะเพิ่มขึ้นจนถึง 100 องค์กร
.
นั่นแปลว่า ในอนาคตข้างหน้า เราจะไม่ต้อง 'พกเงิน' กันจริงๆ จังๆ แถมเงินตราของประเทศต่างๆ อาจลดความสำคัญลงไปก็ได้ เพราะสามารถใช้เงินคริปโตฯ ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนมารองรับได้ทั่วโลก
.
จะบาทหรือดอลลาร์ก็อาจไม่สำคัญเท่าไลบร้า!
.
นี่จึงเป็นก้าวที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง
.
GM เคยสัมภาษณ์ เจษฎา สุขทิศ นักการเงินเจ้าของธุรกิจฟินเทคสำคัญของไทยอย่าง Finnomena ไว้ในฉบับมิถุนายน 2019 เขา 'ทำนาย' การเกิดขึ้นของเงินตราที่ว่านี้เอาไว้ เขาบอกว่านี่คือเรื่องใกล้ตัว และมันจะเกิดขึ้นกับเราจริงๆ ในอนาคตอันใกล้นี้
.
เจษฎาให้ความเห็นและ 'ทำนาย' เรื่องนี้ไว้ สรุปบางตอนได้ว่า
.
1. บริษัท Technology ยักษ์ใหญ่ของโลกที่คนเข้าไปใช้เวลามากๆ ในอนาคตจะลงมาเล่นธุรกรรมทางการเงินเอง ยกตัวอย่างเช่น Facebook, Amazon, Line, Alibaba
.
2. sector การเงินของพวกนี้มีขนาดใหญ่มาก คือ 20-30% ของ GDP โลกเลย เพราะเราใช้เวลาอยู่บน platform ของ Facebook, Youtube, Line, Twitter มากมายมหาศาล
.
3. บริษัทเหล่านี้ไม่ได้ทำแค่คริปโตฯ เท่านั้น แต่เริ่มทำธุรกิจด้านการเงินการธนาคารแล้ว แล้วลองคิดภาพนะครับ ว่าถ้า Facebook ทำแบงก์ขึ้นมา คนจะใช้ไหม คำตอบคือใช้แน่นอน แล้วจริงๆ ก็กำลังทำอยู่ด้วยนะครับ
.
4. ในจักรวาลของ Facebook อีกหน่อย Facebook Messenger, WhatsApp จะสามารถโอนเงินกันได้เลย โดย Facebook กำลังจะสร้างสกุลเงินขึ้นมาสกุลหนึ่ง [คือ Libra]
.
5. เพราะฉะนั้นจะ Fintech ก็ดี สถาบันการเงินก็ดี จะสู้ Tech Giant พวกนี้ไม่ได้ เพราะ value ของสิ่งเหล่านี้คือความพึงพอใจ คนเล่น Line, Facebook, Youtube แล้วได้ความพึงพอใจ ได้ความสุข ในอนาคตบริษัทพวกนี้จะมีอำนาจสูงมากๆ
.
6. คนไทยใช้เวลาทั้งหมดเปิด Google วันละ 8-9 ครั้ง ดูข้อมูลบน Youtube เล่น Line ทั้งวัน เล่น Facebook ทั้งวัน อยู่บน Twitter ทั้งวัน วันหนึ่งถ้าบริษัทเหล่านี้จะมาขายของแข่งกับเรานี่ เราจะสู้เขาไหวไหม เพราะเขามีข้อมูล เขารู้หมดเลยว่าเราชอบซื้ออะไร ตอนไหน เงินเดือนออกตอนไหน เสิร์ชคำว่าอะไร
.
7. เรากำลังเข้าสู่โลกที่ข้อมูลคือน้ำมัน เมื่อก่อนประเทศไหนมีน้ำมันคือมหาอำนาจ แต่วันนี้ใครมีข้อมูลเยอะคือมหาอำนาจ แล้ววันนี้ข้อมูลพฤติกรรมของคนไทยทั้งมวล ไม่ได้อยู่ในมือคนไทย เรียกว่าเสียอำนาจในการถือครองข้อมูล
.
8. AI ทั้งหมดมาจากข้อมูล เราเอาข้อมูลให้ AI กินแล้วออกมาเป็น business model แต่ข้อมูลมันไม่ได้อยู่ในมือเรา
.
9. ในอีกสัก 10 ปีข้างหน้า โลกจะไม่มีเงินตรา โรงกษาปณ์ โรงพิมพ์ธนบัตรจะกลายเป็นพิพิธภัณฑ์เท่านั้น เราจะไม่มีเงินในกระเป๋ากันแล้ว .
10. ผมเชื่อว่าเงินตราทั้งหมดจะไปถ่ายทอด value อยู่ใน Blockchain ซึ่งถ้าทำได้จริง อันหนึ่งที่น่าดีใจมากๆ เลยคือคอร์รัปชั่นจะหายไปเยอะมาก เพราะถ้า Blockchain มา มันทำให้ทุกอย่างตามรอยได้หมด ติดตามได้หมดว่าอะไรอยู่ที่ไหน
.
11. เงิน Libra ของเฟซบุ๊ค เป็นคริปโตฯ แบบ Stable Coin คือจะไม่เหวี่ยง วันนี้ Cryptocurrency ต่างๆ เช่น Bitcoin, Ethereum มันมีความเหวี่ยงสูงมาก อะไรที่เหวี่ยงสูง มันจะเก็บมูลค่า (stored value) ไว้ไม่ได้ เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง แต่ถ้าเป็น Stable Coin เช่น Baht Coin หรือ Dollar Coin มันจะมั่นคง เพราะมีเงินตรามารองรับอยู่ข้างหลัง
.
12. สมมติว่าผมจะซื้อหุ้นจากคุณ คุณมีปตท. อยู่ หุ้นหนึ่งราคา 400 บาท ผมขอซื้อ 0.1 หุ้น ด้วยเงิน 40 บาท คุณก็โอนหุ้นให้ผมผ่าน Blockchain ไม่ต้องมีตลาดเลย โอนให้ผม 0.1 หุ้น ก็ได้ ไม่ต้องถึง 1 ก็ได้ แล้วผมก็โอนเงินไปเลยสดๆ 40 บาท คุณก็เหลือ 0.9 หุ้น มันจะเป็นแบบนั้น
ติดตามบทสัมภาษณ์เต็มได้ในนิตยสาร GM มิถุนายน
http://www.thansettakij.com/content/403492#.XQmgWU1yeVE.twitter |
 |
