Content on this page requires a newer version of Adobe Flash Player.

Get Adobe Flash player

 
|    

Content on this page requires a newer version of Adobe Flash Player.

Get Adobe Flash player

[20-06-2019]  BTS แรงแต่สกัดราคาหุ้น VGI โยนบิ๊ตล๊อต 9 บาทรับ 5 พันล้าน
BTS ทะยานสูงสุดรอบ 13ปี หลังยอมสกัดหุ้น VGI ด้วยการโยนบิ๊กล็อตราคา 9บาทต่ำกว่ากระดาน ผู้บริหารรับเหตุขายบิ๊กล็อตกองทุนเพราะได้รับความสนใจเยอะ ห่วงไปไล่ในกระดานอาจทำราคา VGI สูงเวอร์ ระบุจะนำเงินไปใช้โครงการลงทุน-ใช้หนี้  โบรกชี้ขาย VGI ได้ราคาดีพีอี 50-60เท่า ลุ้นเดินโปรเจกเพิ่ม ด้านทิสโก้ยังให้เป้า BTS ที่ 13บาท
 
สถานการณ์หุ้นของ  “บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)” หรือ “BTS” และ “บริษัท วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน)” หรือ “VGI” วานนี้ (19พ.ค.) แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
 
โดย BTS ราคาปิดขึ้นสูงสุดในรอบ 13ปีที่ 12บาท เพิ่มขึ้น 2.56%ขณะที่ VGI กลับร่วงลงปิดที่ 9บาท ลดลง 4.26%อดรับอานิสงค์การแรลลี่ของตลาดหุ้นไทย
 หลังจากที่ BTS ทำ “บิ๊กล็อต” ขายหุ้น VGI 12รายการ จำนวน 339.70ล้านหุ้น และ VGI-F 4รายการ จำนวน 235.30ล้านหุ้น ในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 9บาท รวมมูลค่า 5,172.3ล้านบาท โดยเป็นการขายต่ำกว่าราคาปิดวันก่อนหน้าที่ 9.40บาท คิดเป็นสัดส่วนการขายหุ้นรวม 5.26%
 
นั้นส่งผลให้ BTS มีโอกาสที่จะบันทึกกำไรเข้ามาพอสมควร โดยเฉพาะงบเดี่ยว เพราะการขายหุ้น VGI ครั้งนี้มี PE ราว 50-60เท่า ขณะที่บริษัทถือ VGI อยู่ในราคาพาร์ 0.10บาท
 @ห่วง VGI ราคาสูง
 นายสุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน  บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ยอมรับว่า BTS ขายหุ้น VGI ให้กับ นักลงทุนสถาบันต่างประเทศ หลังจากช่วงที่ผ่านมาได้เดินสายโรดโชว์อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีนักลงทุนสถาบันทั้งใน-ต่างประเทศสนใจเข้าลงทุนเป็นจำนวนมาก
 
สำหรับเหตุผลที่ BTS ตัดสินใจขายบิ๊กล็อตออกมา แทนที่จะให้นักลงทุนสถาบันไปเก็บในกระดานเนื่องจาก มาก ทางบริษัทพิจารณาแล้วเห็นว่าหากให้นักลงทุนเหล่านั้นเข้าไปเก็บหุ้นในกระดาน จะกระตุ้นให้ราคาหุ้น VGI ปรับตัวสูงขึ้นจนเกินไป จึงให้สถาบันการเงินเป็นผู้ประสารดีลดังกล่าวให้
ส่วนเงินที่ได้ก็จะใช้หมุนเวียนในกิจการปกติ รวมถึงชำระหนี้บางส่วน ส่วนจะเป็นการเตรียมเงินเพื่อโครงการลงทุนเพิ่มขึ้นหรือไม่นั้น หากมีจะมีการแจ้งให้สาธารณะชน

 นางจิตเกษม หมู่มิ่ง ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน VGI ระบุว่า การทำรายการขายบิ๊กล็อตหุ้น VGI เนื่องจากมีความจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนในการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสีชมพูและสายสีส้ม ซึ่งในแง่ของ VGI ไม่ได้มีผลกระทบในแง่ลบ เพราะมองว่าเป็นผลดีที่จะช่วยให้หุ้น VGI มีสภาพคล่องของการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์มากขึ้น และจะเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนสถาบันต่างชาติเข้ามาถือหุ้นของบริษัทเพิ่มมากขึ้นด้วย
 @ลุ้นโปรเจกเพิ่ม
 ด้านนายพิสุทธิ์ งามวิจิตวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด ระบุว่า การที่ BTS ขายหุ้น VGI เป็นการส่งสัญญาณระยะสั้นว่าหุ้น VGI ไม่ควรเกิน 9บาท ซึ่งเชื่อว่า BTS คงจะนำเงินไปทำอะไรสักอย่าง ซึ่งก็มีลุ้นอยู่หลายโปรเจคเหมือนกัน  ส่วนของ VGI ณ ราคาหุ้น 9บาท ก็ถือว่าเทรด P/E สูงถึง 50-60เท่า ซึ่งก็คงเป็นการเทรดที่สะท้อนการเติบโต เพราะธุรกิจยังดีอยู่
 ทั้งนี้  VGI ถือเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (บจ.) ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศค่อนข้างมาก จากจุดแข็งที่มีสื่อนอกบ้าน (Out of Home Media : OOH) ในมือเป็นจำนวนมาก สามารถสร้างกำไรขั้นต้น (Margin) ได้อย่างแข็งแกร่ง ทั้งสื่อบนรถไฟฟ้า, สื่อในอาคาร, และสื่อบริเวณตอหม้อต่างๆ เป็นต้น
 
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน เปิดเผยว่า การที่ BTS ขายหุ้น VGI ออกไปในราคาสูงจะส่งผลดีต่อ BTS ในแง่ของกระแสเงินสดที่จะเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้ BTS สามารถที่จะดำเนินธุรกิจได้คล่องตัว และลดต้นทุนทางการเงิน
 ด้านบริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ ยังคงแนะนำ ซื้อ BTS ราคาเป้าหมาย 13บาท จากการเติบโตที่มั่นคงของบริษัทตามธุรกิจรถไฟฟ้าที่เป็นผู้เดินรถรายใหญ่ในประเทศที่ยังมีการเติบโตรายได้ที่สูงเฉลี่ย 23%ต่อปีใน 3ปีข้างหน้าจากการเปิดให้บริการทั้งส่วนต่อขยายสายสีเขียวที่คาดจะครบภายในปี 2020และสายสีชมพู/เหลืองภายในปี 2021ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเติบโตของธุรกิจสื่อของบริษัทเช่นกันเนื่องจากรายได้เกือบ 50%เป็นสื่อรถไฟฟ้า อีกทั้ง ยังมี upside จากโอกาสที่จะได้ต่ออายุสัมปทานสายสีเขียวที่จะหมดในปี 2029ออกไปอีก 30ปี ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งคาดจะทราบผลสรุปภายใน 1-2เดือนนี้
 รวมทั้ง BTS มีแผนเข้าลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure project) ใหม่ๆ เพิ่มเติมจากการเข้าประมูลโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก โครงการสัมปทานระบบเก็บเงินทางหลวงพิเศษ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตลิ่งชัน-มีนบุรี) ซึ่งคาดจะเปิดขายซองในเดือน ก.ย. นี้
 จากการปรับประมาณการและปรับราคาเป้าหมายไปยังปี 2019/20F เราปรับคำแนะนำจาก “ถือ”เป็น “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายของเรา 13บาท (SOTP) จากเดิม 11.50บาท ซึ่งเราประเมิน Fully Dilute ด้วยราคาหุ้นแม่ใกล้ราคาใช้สิทธิ BTS-W4ที่ 10.50บาท โดยไม่รวมผลการเจรจากับทาง กทม. สำหรับการเดินรถทั้งระบบสายสีเขียว โดยเราประเมินเบื้องต้นจะมี upside ประมาณ 0.6-1.50บาทต่อหุ้นขึ้นกับเงื่อนไขของสัมปทาน ปัจจัยเสี่ยงมาจาก 1) การเจรจาต่อรองเงื่อนไขสัมปทานสายสีเขียวที่ล่าช้า 2) ความล่าช้าของโครงการต่างๆ 2) สภาวะเศรษฐกิจที่จะกระทบต่อธุรกิจอื่นๆ ของบริษัท
เว็บ ทันหุ้น

 






 

หน้าแรก | เกี่ยวกับเรา | ใบประกอบการ | การเข้าตลาดหลักทรัพย์ | แผนธุรกิจ | ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ | ข้อมูลลงทุน | ติดต่อเรา | สำหรับพนักงาน   
Copyright 2010 c-amc.com All Right Reserved. Website by GM